• 237/17-18 ถ.ห้วยแก้ว ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 50200
  • 053-222779086-4316916
  • Mon - Sun : 10:00AM - 7:00PM

All posts by admin

คำศัพท์สีต่างๆภาษาจีน

รวมคำศัพท์ “สีต่าง ๆ” ในภาษาจีน

คำว่า “สี” ในภาษาจีน ตรงกับคำว่า 色 เซ่อ (sè) ซึ่งคำนี้จะถูกวางไว้ข้างหลังของคำศัพท์สีทุกสี

คำศัพท์ภาษาจีน เกี่ยวกับสีต่าง ๆ มีอะไรบ้าง

มารู้จักคำศัพท์ภาษาจีนเกี่ยวกับสีสันต่าง ๆ ทั้งการเขียน และการออกเสียง จะมีอะไรบ้าง ไปดูกันเลยค่ะ 

黄色 อ่านว่า หวงเซ่อ (huáng sè)  สีเหลือง
粉红色 อ่านว่า เฝิ่นหงเซ่อ (fěnhóngsè)  สีชมพู
橙色 อ่านว่า เฉิงเซ่อ (chéng sè)  สีส้ม
红色 อ่านว่า หงเซ่อ (hóng sè)  สีแดง

绿色 อ่านว่า ลวี่เซ่อ (lǜ sè)  สีเขียว
天蓝色 อ่านว่า เทียนหลันเซ่อ (tiānlánsè)  สีฟ้า
蓝色 อ่านว่า หลานเซ่อ (lán sè)  สีน้ำเงิน
紫色  อ่านว่า จื่อเซ่อ (zǐsè)  สีม่วง

白色 อ่านว่า ไป๋เซ่อ (bái sè)  สีขาว
灰色 อ่านว่า ฮุยเซ่อ (huīsè)  สีเทา
棕色 อ่านว่า จงเซ่อ (zōngsè)  สีน้ำตาล
黑色 อ่านว่า เฮยเซ่อ (hēi sè)  สีดำ

ตัวอย่างประโยคเกี่ยวกับสี

你 喜欢 什么 颜色?
nǐ xǐhuan shénme yánsè?
หนี สี่ฮวน เฉินเมอ เหยียนเซ่อ?
คุณชอบสีอะไร?

我 喜欢 红色。
wǒ xǐhuan hóng sè.
หวอ สี่ฮวน หงเซ่อ
ฉันชอบสีแดง

เป็นยังไงกันบ้างคะ สำหรับคำศัพท์ภาษาจีนเกี่ยวกับสีสันต่าง ๆ ที่นำมาฝากกัน ได้รับความรู้แล้ว อย่าลืมนำคำศัพท์ และประโยคไปใช้ถามเพื่อน ๆ ดูนะคะ เพื่อเป็นการฝึกทักษะการพูดภาษาจีนของเราไปในตัวด้วย หากใครสนใจเรียนภาษาจีน สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โรงเรียนศิริเทพฯ หน้ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โทร. 053-222779 Line: @sirithape_school

โรงเรียนศิริเทพพร้อมเปิดบริการ

ข่าวสาร Update : โรงเรียนศิริเทพฯ เปิดคลาสสอนแบบปกติ ตั้งแต่วันที่ 7 ก.ค. 2563 เป็นต้นไป

ช่วงที่ผ่านมา โรงเรียนศิริเทพฯ ได้เตรียมความพร้อมด้านมาตรการการควบคุม และป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 สำหรับผู้เรียนที่ต้องการเข้ามาเรียนแบบคลาสปกติ ซึ่งทางโรงเรียนได้ทำตามนโยบายการเปิดโรงเรียนของกระทรวงศึกษาธิการอย่างเคร่งครัด

ทั้งนี้ทางโรงเรียนได้รับการตรวจ และผ่านการประเมินความปลอดภัย เพื่อลดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จากกระทรวงศึกษาธิการเรียบร้อยแล้ว ซึ่งสามารถเปิดให้บริการตามปกติ ในวันที่ 7 ก.ค. 2563 เป็นต้นไปค่ะ

สำหรับผู้เรียน หรือผู้ปกครองทุกท่าน สามารถมั่นใจเรื่องความปลอดภัย ได้เลยนะคะ

ท่านใดที่สนใจคอร์สเรียน ทั้งแบบออนไลน์และแบบคลาสปกติ สามารถติดต่อทางโรงเรียนศิริเทพฯ ได้เลยค่ะ

คำศัพท์ภาษาจีนเกี่ยวกับ Covid-19

คำศัพท์ภาษาจีนที่มักใช้บ่อยในช่วง Covid-19

สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในปัจจุบัน

จากสถานการณ์ทั่วโลก ปัจจุบันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่เริ่มคลี่คลายลง ทำให้มีการผ่อนปรนมาตรการล็อกดาวน์ต่าง ๆ ในหลายประเทศ มี​ผลสำรวจของนักท่องเที่ยวชาวจีนออกมาพบว่า ส่วนใหญ่ต้องการเดินทางมาท่องเที่ยวต่างประเทศกันเป็นจำนวนมาก และอย่างที่รู้กันว่าประเทศไทย เป็นประเทศที่นักท่องเที่ยวชาวจีนนิยมมาท่องเที่ยวกันมากอยู่แล้ว ตั้งแต่ยังไม่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ครั้งนี้

ถึงแม้ว่าวิกฤตนี้จะเริ่มคลี่คลายลงแล้ว แต่เราทุกคนต้องไม่ประมาท และต้องปรับตัวในการใช้ชีวิตวิถีใหม่ (New Normal) รวมถึงสถานประกอบการต่าง ๆ เช่น ร้านค้า ร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหาร สปา คลินิก โรงแรม ฯลฯ เมื่อเปิดทำการแล้ว จะต้องมีมาตรการในการป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 เพื่อป้องกันตนเอง ป้องกันคนรอบตัว และลูกค้าที่มาใช้บริการ โดยต้องปฏิบัติตามข้อควรระวังที่เหมาะสม ตามคำแนะนำจากหน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่นั้น ๆ 

สำหรับสถานประกอบการต่าง ๆ ที่สามารถเปิดทำการได้ตามปกติ เรามีคำศัพท์ภาษาจีนที่มักใช้บ่อย เกี่ยวกับการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เพื่อผู้ประกอบการ และพนักงานสามารถนำไปใช้ให้เหมาะสมกับธุรกิจของท่านมาฝากค่ะ 

ตัวอย่างคำศัพท์ภาษาจีนที่ใช้บ่อยในช่วง Covid-19 

เรามาเรียนภาษาจีนเบื้องต้น กับคำศัพท์ภาษาจีน พร้อมทั้งประโยคในการสื่อสาร ที่ใช้บ่อยในการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 กันเลยค่ะ 

หน้ากากอนามัย : 口罩 kǒu zhào (โค่ว จ้าว)

ตัวอย่างประโยค 

1. ก่อนเข้าร้านกรุณาสวมหน้ากากอนามัยด้วยค่ะ / ครับ

在您进入商店前应戴上口罩

zài nín jìn rù shāng diàn qián yīng dài shàng kǒu zhào

(จ้าย หนิน จิ้น หรู่ ซาง เตี้ยน เฉียน ยิง ใต้ ซั่ง โค่ว จ้าว)

2. มีหน้ากากอนามัยขายค่ะ / ครับ

有口罩

yǒu kǒu zhào

(โย่ว โค่ว จ้าว) 

อุณหภูมิ : 体温 tǐ wēn (ถี่ เหวิ่น)

ตัวอย่างประโยค

1. ขออนุญาตวัดอุณหภูมิลูกค้าก่อนเข้าร้านค้า

在您进入商店前应测量体温

zài nín jìn rù shāng diàn qián yīng cè liàng tǐ wēn

(จ้าย  หนิน จิ้น หรู่ ซาง เตี้ยน เฉียน อิง เช่อ เหลี่ยง ถี่ เวิน)

2. ตรวจวัดอุณหภูมิ ไม่เกิน 37.5 องศา

体温不超过 37.5

tǐ wēn bù chāo guò sān shí qī diǎn wǔ 

(ถี่ เวิน ปู้ เชา กั่ว ซาน สรือ ชี เตี๋ยน อู่)

เจลแอลกอฮอล์ : 酒精消毒液 jiǔ jīng xiāo dú yè (จิ่ว จิง เซียว ตู๋ เย่)

ตัวอยางประโยค

1. จุดบริการเจลแอลกอฮอล์ทำความสะอาดให้กับลูกค้า

供应酒精消毒液区

gōng yìng jiǔ jīng  xiāo dú yè qū

(ก้ง อิ้ง จิ่ว จิง เสี่ยว ตู๋  เย่ ชูวี)

2. กรุณาล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ก่อนเข้าร้านด้วยค่ะ / ครับ

在您进入商店前应使用含有酒精成分的免洗手液

zài nín jìn rù shāng diàn qián yīng shǐ yòng hán yǒu jiǔ jīng chéng fèn de miǎn xǐ shǒu yè

(จ้าย หนิน จิ้น หรู่ ซาง เตี่ยน เฉียน ยิง สรื่อ ย่ง หาน โหยว จิ่ว จิง เฉิง เฟิ่น เตอ เหมี่ยน สี โส่ว เย่)

3. มีเจลแอลกอฮอล์ขายค่ะ / ครับ

有酒精消毒液

yǒu jiǔ jīng xiāo dú yè

(โหยว จิ่ว จิง เสี่ยว ตู๋ เย่)

ชำระเงิน : 付款 Fùkuǎn (ฟู่ ขว่าน)

ตัวอย่างประโยค

1. กรุณารักษาระยะห่าง 1 – 2 เมตร ในการเข้าแถวชำระเงิน

请排队付款 并保持社交距离 1 – 2 米

Qǐng páiduì fùkuǎn bìng bǎochí shèjiāo jùlí 1 – 2 mǐ

(ฉิ่ง ผาย ตุ้ย ฟู่ ขว่าน ปิ้ง เป่า ฉือ เช่อเจียว จวี่หลี  อี เอ้อ หมี่)

2. แนะนำลูกค้าชำระเงินผ่าน Mobile Banking ค่ะ / ครับ

支持 Mobile banking 在线支付

Zhīchí Mobile banking zàixiàn zhīfù

(จือ ฉือ โม บาย แบ็งค์กิ้ง จ้าย เซี่ยน จือ ฟู่)

สแกนคิวอาร์โค้ด : 扫描QR码 Sǎomiáo QR mǎ (เส่า เหมียว QR หม่า)

ตัวอย่างประโยค

1. กรุณาสแกนคิวอาร์โค้ดก่อน และหลังเข้าใช้บริการ

请扫描QR码

Qǐng sǎomiáo QR mǎ

(ฉิง เส่า เหมียว คิว อา หม่า)

มาตรการ : 预防措施 Yùfáng cuòshī
(ยวี่ ฝัง ชั่ว ชือ)

ตัวอย่างประโยค

1. ขออภัยในความไม่สะดวก เป็นมาตรการของทางร้าน เพื่อป้องกันเชื้อไวรัสโควิด 19

为预防病毒给您带来的不便,我们深表歉意。

Wèi yùfáng bìngdú gěi nín dài lái de bùbiàn, wǒmen shēn biǎo qiànyì.

(เว่ย ยวี่ ฝาง ปิ้ง ตู๋ เก่ย หนิน ต้าย หลาย เตอะ ปู๋เปี้ยน หว่อเมิน เชิน เปี่ยว เชี่ยน อี้)

ไม่ว่าเราจะไปสถานที่ไหน มักเห็นสถานประกอบการต่าง ๆ ติดป้ายบอกรายละเอียดเกี่ยวกับมาตรการในการป้องกันเชื้อไวรัสโควิค-19 มีทั้งภาษาอังกฤษ และภาษาจีน จะเห็นได้ว่าภาษาจีนนั้น เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของเราเป็นอย่างมาก สำหรับใครที่สนใจอยากเรียนภาษาจีนเพิ่มเติม สามารถติดต่อสอบถามทางสถาบันมาได้ที่ โรงเรียนศิริเทพฯ หน้ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โทร. 053-222779 Line: @sirithape_school 

เรียนภาษาจีน สอบ HSK / HSKK

ข่าวสาร Update : สอบ HSK / HSKK

การสอบ HSK และ HSKK มีวัตถุประสงค์หลัก ๆ เพื่อใช้สำหรับการศึกษาต่อ ไม่ว่าจะเป็นการศึกษาต่อประเทศจีน หรือการขอทุนการศึกษา รวมไปถึงการได้รับข้อยกเว้นการเรียนภาษาจีนในระดับเทียบเท่ากับการสอบผ่านได้ และยังสามารถใช้เป็นใบรับรองผลแสดงความสามารถทางภาษาจีน เวลาที่เราไปสมัครงานได้อีกด้วย

การสอบ HSK กับ HSKK แตกต่างกันอย่างไร ?

HSK คืออะไร ?

HSK หรือ Hanyu Shuiping Kaosh คือแบบทดสอบวัดความสามารถทางด้านภาษาจีน สำหรับผู้ที่ไม่ได้ใช้ภาษาจีนเป็นภาษาหลัก จัดสอบโดยสำนักงานดูแลการสอนภาษาจีนเป็นภาษาที่สองของกระทรวงศึกษาธิการ ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อตอบสนองต่อความต้องการเรียนภาษาจีนของคนทั่วโลก 

HSK สอบอะไรบ้าง ?

HSK มีทั้งหมด 6 ระดับ ซึ่งแต่ละระดับนั้น มีลักษณะการออกข้อสอบที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้

● ระดับ 1 : ข้อสอบประกอบไปด้วยทักษะการฟัง 20 ข้อ และทักษะการอ่าน 20 ข้อ ให้เวลาทำข้อสอบ 40 นาที ความสามารถในระดับนี้คือ การเข้าใจประโยคและคำศัพท์ภาษาจีนง่าย ๆ รู้และเข้าใจคำศัพท์ได้อย่างน้อย 150 คำ

● ระดับ 2 : ข้อสอบประกอบไปด้วยทักษะการฟัง 35 ข้อ และทักษะการอ่าน 25 ข้อ ให้เวลาทำข้อสอบประมาณ 55 นาที ความสามารถในระดับนี้คือ การใช้ภาษาจีนเป็นประโยคง่าย ๆ ได้ สามารถสื่อสารเรื่องราวต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันได้ รู้และเข้าใจคำศัพท์ประมาณ 300 คำ

● ระดับ 3 : ข้อสอบประกอบไปด้วยทักษะการฟัง 40 ข้อ ทักษะการอ่าน 30 ข้อ และการเขียน 10 ข้อ ให้เวลาทำข้อสอบประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที ความสามารถในระดับนี้คือ การใช้ภาษาจีนสื่อสารในชีวิตประจำวัน การเรียน การทำงานได้ รู้และเข้าใจคำศัพท์ประมาณ 600 คำ

● ระดับ 4 : ข้อสอบประกอบไปด้วยทักษะการฟัง 45 ข้อ ทักษะการอ่าน 40 ข้อ และการเขียน 15 ข้อ ให้เวลาทำข้อสอบประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที ความสามารถในระดับนี้คือ สามารถใช้ภาษาจีนสื่อสารในหัวข้อที่ซับซ้อนมากยิ่งขึ้น และสามารถสื่อสารกับเจ้าของภาษาได้อย่างถูกต้อง รู้และเข้าใจคำศัพท์ประมาณ 1,200 คำ

● ระดับ 5 : ข้อสอบประกอบไปด้วยทักษะการฟัง 45 ข้อ ทักษะการอ่าน 45 ข้อ และการเขียน 10 ข้อ ให้เวลาทำข้อสอบประมาณ 2 ชั่วโมง 5 นาที ความสามารถในระดับนี้คือ สามารถใช้ภาษาจีนในการอภิปราย แสดงความคิดเห็น วิจารณ์ ในหัวข้อเฉพาะทางหรือเป็นนามธรรม นอกจากนี้ยังสามารถสนทนาภาษาจีนกับเจ้าของภาษาได้อย่างคล่องแคล่ว พร้อมกับรู้และเข้าใจคำศัพท์ประมาณ 2,500 คำ

● ระดับ 6 : ข้อสอบประกอบไปด้วยทักษะการฟังเข้าใจ 50 ข้อ ทักษะการอ่านเข้าใจ 50 ข้อ และการเขียน 1 ข้อ ให้เวลาทำข้อสอบประมาณ 2 ชั่วโมง 20 นาที ความสามารถในระดับนี้คือ สามารถใช้ภาษาจีนได้อย่างเป็นธรรมชาติไม่ต่างกับเจ้าของภาษา มีการรู้และเข้าใจคำศัพท์จำนวน 5,000 คำขึ้นไป

ข้อสอบระดับ 1 – 2 มีคะแนนเต็ม 200 คะแนน คะแนนที่ถือว่าผ่าน คือ 120 คะแนน ส่วนระดับ   3 – 6 คะแนนเต็ม 300 คะแนน คะแนนที่ถือว่าผ่าน คือ 180 คะแนน ความซับซ้อนจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตามลำดับค่ะ 

ปัจจุบันการสอบ HSK ระดับ 4 ขึ้นไป ผู้ที่สอบผ่านสามารถเพิ่มโอกาสสำหรับการทำงาน และสามารถอัพฐานเงินเดือนสูงขึ้นได้ 

การสอบ HSK แต่ละระดับ บอกระดับการใช้ภาษาอย่างไรบ้าง ?

● สอบผ่าน HSK ระดับ 1 : มีความเข้าใจ สามารถใช้คำศัพท์ และประโยคง่าย ๆ ได้ในเบื้องต้น พร้อมกับมีพื้นฐานในการเรียนภาษาจีนในระดับต่อไป 

● สอบผ่าน HSK ระดับ 2 : มีความรู้ภาษาจีนระดับต้นดีเยี่ยม สามารถในการใช้ภาษาจีนอย่างง่ายๆในการติดต่อสื่อสารในชีวิตประจำวันได้

● สอบผ่าน HSK ระดับ 3 : มีความสามารถในการใช้ภาษาจีนติดต่อสื่อสารในชีวิตประจำวัน การเรียน หรือในด้านการทำงานขั้นพื้นฐาน และสามารถใช้ในการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศจีนได้

● สอบผ่าน HSK ระดับ 4 : มีความสามารถในการใช้ภาษาจีนสื่อสารได้ในวงกว้าง และสามารถใช้ภาษาจีนสื่อสารกับเจ้าของภาษาได้อย่างคล่องแคล่ว

● สอบผ่าน HSK ระดับ 5 : มีความสามารถในการอ่านนิตยสารภาษาจีน รับชมและเข้าใจรายการโทรทัศน์ของจีน และสามารถใช้ภาษาจีนในการพูดสุนทรพจน์ได้

● สอบผ่าน HSK ระดับ 6 : มีความสามารถในการฟังและอ่านข่าวสารภาษาจีนได้เป็นอย่างดี สามารถใช้ภาษาพูดและภาษาเขียนในการแสดงความคิดเห็นของตนได้อย่างคล่องแคล่ว

ผู้ที่ต้องการสอบ HSK ระดับ 4 – 6 สามารถสมัครสอบออนไลน์ ได้แล้วที่ http://www.chinesetest.cn/ 

ส่วนการสอบ HSK ระดับ 1 – 3 ยังสามารถสอบที่สถาบันได้ 

HSKK คืออะไร ?

HSKK หรือ Hanyu Shuiping Kouyu Kaoshi คือการสอบวัดระดับความสามารถด้านการพูดภาษาจีน โดยแบ่งการสอบออกเป็น 3 ระดับ ได้แก่ ระดับต้น ระดับกลาง และระดับสูง โดยใช้รูปแบบการอัดเสียงในการสอบ การสอบ HSKK เหมาะมากสำหรับกลุ่มคนวัยทำงานในปัจจุบันที่มีการแข่งขันสูง และใช้สำหรับยื่นขอทุนการศึกษาต่าง ๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะยื่นควบคู่กับคะแนน HSK

HSKK สอบอะไรบ้าง ?

HSKK มี 3 ระดับ ซึ่งแต่ละระดับ จะมีลักษณะการออกข้อสอบที่แตกต่างกันออกไป  ดังนี้

● HSKK ระดับต้น แบ่งเป็น 3 ส่วน มีทั้งหมด 27 ข้อ เวลาในการสอบประมาณ 20 นาที (รวมเวลาในการเตรียมตัว 7 นาที )

ส่วนที่ 1 ให้ผู้สอบฟังแล้วพูดตาม มีทั้งหมด 15 ข้อ แต่ละข้อพูด 1 ประโยค เมื่อฟังแล้วต้องพูดตาม 1 ครั้ง เวลาในการสอบ 6 นาที

ส่วนที่ 2 ให้ผู้สอบฟังแล้วตอบคำถาม มีทั้งหมด 10 ข้อ แต่ละข้อจะถาม 1 คำถาม เมื่อฟังแล้วจะต้องตอบคำถามสั้นๆ เวลาในการสอบ 4 นาที

ส่วนที่ 3 ให้ผู้สอบตอบคำถาม มีทั้งหมด 2 ข้อ ในข้อสอบจะมี 2 คำถาม (มีพินอิน) ผู้สอบจะต้องตอบคำถามแต่ละข้ออย่างน้อย 5 ประโยค เวลาในการสอบ 3 นาที

● HSKK ระดับกลาง แบ่งเป็น 3 ส่วน มีทั้งหมด 14 ข้อ ใช้เวลาสอบทั้งหมด ประมาณ 23 นาที (รวมเวลาในการเตรียมตัว 10 นาที)

ส่วนที่ 1 ให้ผู้สอบฟังแล้วพูดตาม มีทั้งหมด 10 ข้อ แต่ละข้อจะพูด 1 ประโยค ฟังแล้วพูดตาม 1 รอบ เวลาในการสอบ 5 นาที

ส่วนที่ 2 ดูรูปภาพแล้วอธิบาย มีทั้งหมด 2 ข้อ แต่ละข้อมี 1 รูป ผู้สอบอธิบายรูปภาพด้วยข้อความสั้นๆ เวลาในการสอบ 4 นาที

ส่วนที่ 3 ตอบคำถาม มีทั้งหมด 2 ข้อ ในข้อสอบมี 2 คำถาม (มีพินอิน) ให้ผู้สอบตอบคำถาม เวลาในการสอบ 4 นาที

● HSKK ระดับสูง แบ่งเป็น 3 ส่วน มีทั้งหมด 6 ข้อ ใช้เวลา 25 นาที (รวมเวลาในการเตรียมตัว 10 นาที)

ส่วนที่ 1 ให้ผู้สอบฟังแล้วพูดตาม มีทั้งหมด 3 ข้อ แต่ละข้อจะพูด 1 ข้อความ ฟังแล้วพูดตาม เวลาสอบ 8 นาที

ส่วนที่ 2 อ่านออกเสียง มีทั้งหมด 1 ข้อ ในข้อสอบจะมีบทความสั้นๆ ผู้สอบจะต้องอ่านออกเสียง เวลาในการสอบ 2 นาที

ส่วนที่ 3 ตอบคำถาม มีทั้งหมด2 ข้อ ในข้อสอบจะมี 2 คำถาม ผู้สอบอ่านคำถามแล้วต้องตอบคำถามนั้น เวลาในการสอบ 5 นาที

แนะนำสำหรับผู้สอบ HSKK

● ระดับต้น สำหรับผู้สอบที่เรียนภาษาจีน 2-3 คาบต่อสัปดาห์ เป็นระยะเวลา 1-2 เทอม เข้าใจคำศัพท์ที่ใช้บ่อยในชีวิตประจำวันประมาณ 200 คำ

● ระดับกลาง สำหรับผู้สอบที่เรียนภาษาจีน 2-3 คาบต่อสัปดาห์ เป็นระยะเวลา 1-2 ปี และเข้าใจคำศัพท์ที่ใช้ในชีวิตประจำวันประมาณ 900 คำ

● ระดับสูง สำหรับผู้สอบที่เรียนภาษาจีน 2-3 คาบต่อสัปดาห์ เป็นเวลา 2 ปีขึ้นไป เข้าใจคำศัพท์ที่ใช้บ่อยในชีวิตประจำวันและสามารถนำไปใช้ได้ ประมาณ 3,000 คำ

ค่าธรรมเนียมการสอบวัดระดับความรู้ภาษาจีน (HSK)

● สอบ HSK ระดับ 1 อัตราค่าสอบ 500 บาท

● สอบ HSK ระดับ 2 อัตราค่าสอบ 600 บาท

● สอบ HSK ระดับ 3 อัตราค่าสอบ 900 บาท

● สอบ HSK ระดับ 4 อัตราค่าสอบ 1,200 บาท

● สอบ HSK ระดับ 5 อัตราค่าสอบ 1,600 บาท

● สอบ HSK ระดับ 6 อัตราค่าสอบ 2,000 บาท

ค่าธรรมเนียมการสอบวัดระดับความรู้ภาษาจีน (HSKK)

● สอบ HSKK 1 ระดับต้น อัตราค่าสอบ 500 บาท

● สอบ HSKK 2 ระดับกลาง อัตราค่าสอบ 700 บาท

● สอบ HSKK 3 ระดับสูง อัตราค่าสอบ 800 บาท

ในจังหวัดเชียงใหม่ สามารถสอบ HSK / HSKK ได้ที่ไหนบ้าง ?

1. มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ (สอบระบบออนไลน์)

2. สถาบันขงจื้อ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (สอบแบบ Paper และสอบระบบออนไลน์เป็นบางระดับ)

ทางสถาบันเราส่งนักเรียนสอบ HSK และ HSKK ที่สถาบันขงจื้อ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และมีการการันตีด้วยมาตรฐานผลการสอบ HSK ระดับ 3 สำหรับใครที่สนใจเรียนภาษาจีน สามารถติดต่อสอบถามทางสถาบันมาได้ที่ โรงเรียนศิริเทพฯ หน้ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โทร. 053-222779 Line: @sirithape_school  

คำศัพท์ภาษาจีนสำหรับปิดการขาย

เทคนิคขายของกับชาวจีนยังไง ? ให้ปิดการขายได้

พฤติกรรมการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวชาวจีนเป็นยังไง ?

อย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้ว ว่านักท่องเที่ยวชาวจีนมีส่วนสำคัญต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในประเทศไทยเป็นอย่างมาก ปริมาณนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เดินทางมาในประเทศไทยนั้น สามารถสร้างรายได้อย่างมหาศาล ซึ่งนักท่องเที่ยวชาวจีนมีพฤติกรรมในการจับจ่ายใช้สอยที่น่าสนใจ นั่นก็คือ การใช้จ่ายหลัก ๆ จาก 3 ส่วน ได้แก่ ค่าซื้อสินค้า ค่าที่พัก และค่าอาหาร และปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อสินค้า หรือบริการของนักท่องเที่ยวชาวจีน ก็คือ ส่วนลด คุณภาพ และราคา นั่นเอง 

ตัวอย่างประโยคภาษาจีน ที่สามารถพูดเพื่อปิดการขายได้

สำหรับผู้ประกอบการธุรกิจทั้งหลาย ถ้าอยากสื่อสารกับนักท่องเที่ยวชาวจีนให้เข้าใจตรงกัน เพื่อเสนอขายสินค้า หรือบริการ และสามารถพูดเพื่อปิดการขายได้  ซึ่งจะต้องมีความรู้ และความเข้าใจในภาษาจีนเบื้องต้นก่อน แต่ไม่มีเวลาไปเรียนภาษาจีนอย่างจริงจัง เราได้รวบรวมประโยคภาษาจีน ที่สามารถพูดเพื่อปิดการขายได้ มาฝากกันค่ะ 

1. สินค้าชิ้นนี้ที่ลูกค้าสนใจ เหลือชิ้นสุดท้ายแล้วค่ะ / ครับ หมดแล้วหมดเลยนะคะ / ครับ

您敢兴趣的这件产品只剩最后一件了。/卖完就没了。

Nín gǎn xìngqù de zhè jiàn chǎnpǐn zhǐ shèng zuìhòu yī jiànle./Mài wán jiù méiliǎo.

(หนิน ก่าน ซิ่ง ชวี่ เตอะ เจร้อ เจี้ยน ฉาน ผิ่น จรื่อ เซริ่ง จุ้ย โฮ่ว อยี๋ เจี้ยน  เล่อะ/หม้าย หวาน จิ้ว เหมย เล่อะ)

2. ไม่ทราบว่าลูกค้าจะรับสินค้า 1 ชิ้น หรือ 3 ชิ้นดีคะ / ครับ

请问,您想要一件还是要三件呢?

Qǐngwèn, nín shì yào yī jiàn háishì sān jiàn ne?

(ฉิ่ง เวิ่น หนิน ซรื่อ เย่าอยี๋ เจี้ยน ไห ซรื่อ เย่า ซาน เจี้ยน เนอะ)

3. ตอนนี้ทางร้านเรามีโปรโมชั่น ซื้อ 1 แถม 1 นะคะ / ครับ

现在本店有买一送一的促销。

Xiànzài běndiàn yǒu mǎi yī sòng yī de cùxiāo.

(เซี่ยน จ้าย เปิ่น เตี้ยน โหย่ว หม่าย อยี ซ่ง อยี เตอะ ชู่ เซียว)

4. สินค้าทางร้านเรามีหลายสี ลูกค้าชอบสีไหนคะ / ครับ ต้องการกี่โหลดีคะ / ครับ

我们的产品有各种颜色,您喜欢什么颜色呢?/您需要几打?

Wǒmen de chǎnpǐn yǒu gè zhǒng yánsè, nín xǐhuān shénme yánsè ne?/Nín xūyào jǐ dǎ?

(หว่อ เมิน เตอะ ฉาน ผิ่น โหย่ว เก้อ จ่ง เหยียน เซ่อ หนิน สี่ ฮวน เสิน เมอะ เหยียน เซ่อ เนอะ?/หนิน ซวี เย่า จี๋ ต่า?)

5. ไม่ทราบว่าลูกค้าจะรับสินค้ากลับเลย หรือให้ทางร้านจัดส่งสินค้าไปให้ดีคะ / ครับ

请问,您是要自己把产品带回去还是需要本店提供配送服务呢?

Qǐngwèn, nín shì yào zìjǐ bǎ chǎnpǐn dài huíqù háishì xūyào běndiàn tígōng pèisòng fúwù ne?

(ฉิ่ง เวิ่น หนิน ซรื่อ เย่า จื้อ จี่ ป่า ฉาน ผิ่น ต้าย หุย ชวี่ หาย ซรื่อ ซวี เย่า เปิ่น เตี้ยน ถี กง เพ่ย ซ่ง ฝู อวู้)

6. หากลูกค้าต้องการส่วนลดตามที่คุยเอาไว้ ลูกค้าต้องซื้อตอนนี้นะคะ / ครับ 

如果您想享受咱们之前谈好的折扣,您就需要立即购买。

Rúguǒ nín xiǎng xiǎngshòu zánmen zhīqián tán hǎo de zhékòu, nín jiù xūyào lìjí gòumǎi.

(หรู กั่ว หนิน เสียง เสี่ยง โซ่ว จ๋าน เมิน จรือ เฉียน ถาน ห่าว เตอะ เจร๋อ โข่ว หนิน ซวี เย่า ลี่ จี๋ โก้ว หม่าย)

7. สินค้ามีพร้อมส่ง ค่ะ / ครับ

产品有现货

Chǎnpǐn yǒu xiànhuò.

(ฉาน ผิ่น โหย่ว เสี้ยน ฮั่ว)

8. คุณซื้อตอนนี้เลยมั้ยคะ / ครับ

您现在购买吗?

nín xiànzài gòumǎi ma

(หนิน เสี้ยน จ้าย โก้ว หม่าย มา ?)

9. วันนี้เป็นวันสุดท้ายของโปรโมชั่นค่ะ / ครับ พรุ่งนี้จะขายในราคาปกติแล้วนะคะ / นะครับ

今天的促销是最后一天了,明天就会恢复原价了。

Jīntiān de cùxiāo shì zuìhòu yītiānle, míngtiān jiù huì huīfù yuánjiàle.

(จิน เทียน เตอะ ชู่ เซียว ซรื่อ จุ้ย โฮ่ว อยี้ เทียน เลอะ หมิง เทียน จิ้ว ฮุย ฟู่ เยวี๋ยน เจี้ย เลอะ)

10. คุณลูกค้าไว้ใจเราได้แน่นอน ทางร้านเรารับรองคุณภาพสินค้าและบริการให้ค่ะ / ครับ 

您可以放心的信任本店,我们每个产品都有保障。

Nín kěyǐ fàngxīn de xìnrèn běndiàn, wǒmen měi gè chǎnpǐn dōu yǒu bǎozhàng.

(หนิน เขอ อยี่ ฟ่าง ซิน เตอะ ซิ่น เยริ่น เปิ่น เตี้ยน หว่อ เมิน เหม่ย เก้อะ ฉาน ผิ่น โตว โหย่ว ป่าว จร้าง)

นี่เป็นเพียงประโยคตัวอย่างที่เรานำมาฝากกัน สำหรับผู้ประกอบการธุรกิจทั้งหลาย นอกจากจะเป็นการเรียนภาษาจีนในเบื้องต้นแล้ว ท่านยังได้ฝึกทักษะการสื่อสารภาษาจีนกับลูกค้าชาวจีน ที่สามารถใช้ได้จริงในชีวิตประจำวันอีกด้วย หากท่านสามารถพูดเพื่อปิดการขายได้มากเท่าไหร่ สินค้า หรือบริการของท่านก็จะสามารถเข้าไปอยู่ในใจของลูกค้าชาวจีนได้มากเท่านั้น ทำให้ธุรกิจ หรือกิจการของท่านนั้นมีชื่อเสียงมากขึ้น ลูกค้าชาวจีนกลับมาซื้อซ้ำ นอกจากนี้ยังเกิดการบอกต่ออีกมากมาย ทำให้ได้ผลกำไรที่มาจากนักท่องเที่ยวชาวจีนมากขึ้นอย่างแน่นอน

หลักสูตรภาษาจีนธุรกิจ

ข่าวสาร Update : หลักสูตรภาษาจีนธุรกิจ

ภาษาจีนมีความสำคัญมากในเชิงธุรกิจปัจจุบัน

ปัจจุบันภาษาจีน ถือว่ามีความสำคัญมากในเชิงธุรกิจ เนื่องจากเป็นภาษาที่สามารถใช้รองรับการเจรจากับกลุ่มนักธุรกิจชาวจีน และกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนทั่วโลกได้จำนวนมาก

สำหรับผู้ประกอบการ หรือกลุ่มนักธุรกิจทั้งหลายในปัจจุบัน ก็หันมาให้ความสำคัญกับภาษาจีนกันมากขึ้น หลายบริษัทมีการส่งพนักงานของตัวเองไปเรียนภาษาจีนเพิ่มเติม และการรับพนักงานที่มีทักษะความรู้ด้านภาษาจีนเข้าทำงาน รวมถึงการส่งลูกหลานไปเรียนภาษาจีน เพื่อมาใช้ในการทำธุรกิจในอนาคต โดยการเรียนภาษาจีนนั้น จะต้องเรียนภาษาอังกฤษควบคู่กันไปด้วย ซึ่งหากสามารถสื่อสารพูดภาษาจีนได้ จะทำให้ธุรกิจของท่านเติบโตจากฐานลูกค้าชาวจีน และชาวต่างชาติมากมาย ทั้งยังส่งผลให้นักธุรกิจต่างชาติมาติดต่อลงทุนทำธุรกิจได้ง่ายขึ้นอีกด้วย

หลักสูตรภาษาจีนธุรกิจ ที่เหมาะสำหรับผู้ประกอบการ

เรามีหลักสูตรจีนธุรกิจ ที่เหมาะสำหรับผู้ประกอบการต่าง ๆ ได้แก่ ธุรกิจทั่วไป, ธุรกิจค้าขาย, ธุรกิจสปา, ธุรกิจโรงแรม และธุรกิจท่องเที่ยว มาแนะนำ ซึ่งเป็นคอร์สเรียนภาษาจีนสำหรับธุรกิจ มี 2 Level แบ่งเรียน Level ละ 20 ชั่วโมง รวมทั้งหมด 40 ชั่วโมง ราคา Level ละ 2,590 บาท

● หลักสูตรภาษาจีนธุรกิจเบื้องต้น (经贸初级汉语)

1) การทักทายเบื้องต้น และการออกเสียงพยัญชนะภาษาจีน

2) การกล่าวทักทาย และการแนะนำบุคคลที่สาม

3) ภาษาที่ใช้ในการสนทนากับลูกค้าทางโทรศัพท์

4) การต่อรองราคา และการขอส่วนลดสินค้า 

● หลักสูตรภาษาจีนเพื่อการท่องเที่ยว (旅游实用汉语) 

1) คำศัพท์สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงในประเทศจีน 

2) ประโยคที่เกี่ยวข้องกับเมนูและการสั่งอาหาร

3) ประโยคที่เกี่ยวข้องกับการเดินทาง 

4) คำศัพท์และโครงสร้างประโยคที่สำคัญที่ใช้ในการท่องเที่ยว

● หลักสูตรภาษาจีนเพื่อการค้าขาย (商务汉语常用语)

1) การออกเสียงพยัญชนะภาษาจีน และการกล่าวต้อนรับลูกค้า

2) คำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับการกล่าวขอบคุณ 

3) ตัวเลขและคำกริยาที่จำเป็นในการซื้อขาย 

4) การบอกราคา และโปรโมชั่นต่างๆ

● หลักสูตรภาษาจีนเพื่อการโรงแรม (汉语酒店常用语)

1) การออกเสียงพยัญชนะภาษาจีน และกล่าวต้อนรับ 

2) คำศัพท์เบื้องต้นที่ใช้ในการจองห้องพัก

3) คำศัพท์ที่เกี่ยวกับรายละเอียดของห้องพัก

4) ประโยคพร้อมใช้ที่ใช้ในงานบริการสำหรับโรงแรม

● หลักสูตรภาษาจีนเพื่อการนวดและสปา (按摩与水疗服务汉语)

1) การออกเสียงพยัญชนะภาษาจีนและการกล่าวต้อนรับ 

2) การต้อนรับลูกค้า และแนะนำการบริการต่างๆ 

3) เรื่องของราคา และข้อปฏิบัติในการให้บริการ 

4) ประโยคพร้อมใช้ที่ใช้ในงานบริการนวด และสปา 

หากผู้ประกอบการ หรือนักธุรกิจทั้งหลาย ที่มองเห็นความสำคัญของภาษาจีน ในการทำธุรกิจแล้ว ไม่ว่าท่านจะประกอบกิจการทำธุรกิจอะไรอยู่ ซึ่งมีความจำเป็นต้องใช้ภาษาจีน เพื่อการสื่อสาร หรือติดต่อทางธุรกิจของท่าน ถ้าท่านสนใจเรียนภาษาจีน หลักสูตรจีนธุรกิจที่เรามาแนะนำนี้ สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่ โรงเรียนศิริเทพฯ หน้ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โทร. 053-222779 Line: @sirithape_school

คำศัพท์ภาษาจีนสำหรับเขียนเรซูเม่สมัครงาน

คำศัพท์ภาษาจีน สำหรับการเขียนเรซูเม่สมัครงาน

ความสำคัญของการเรียนภาษาจีนในปัจจุบัน

ภาษาจีนในปัจจุบัน ต้องยอมรับว่าเป็นภาษาที่กำลังมาแรงเลยทีเดียว จากสถิติในปัจจุบันพบว่าภาษาจีนกลายเป็นภาษาที่มีผู้คนใช้มากที่สุดในโลก แซงหน้าภาษาอังกฤษไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย เห็นแบบนี้แล้ว ใครที่ยังไม่เตรียมตัวเรียนภาษาจีนในยุคสมัยนี้ ถือว่าตกเทรนเป็นอย่างมากเลยล่ะค่ะ

การเลือกเรียนภาษาจีนในปัจจุบันนั้น มีหลายปัจจัยแล้วแต่บุคคล ไม่ว่าจะเป็นการเรียนในชั้นเรียน การสอบเพื่อเรียนต่อทั้งใน และต่างประเทศ หรือแม้กระทั่งการเรียนภาษาจีน เพื่อใช้ในการสมัครงาน นอกจากนี้ยังสามารถนำไปต่อยอดในการประกอบอาชีพในอนาคตได้อีกด้วย 

ภาษาจีนสำคัญอย่างไร ? กับการสมัครงานในปัจจบุัน

การก้าวเข้าสู่โลกไร้พรมแดน (Globalization) และด้วยเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่พัฒนาอย่างไม่หยุดนิ่ง ทำให้ปัจจุบันการติดต่อสื่อสาร และการทำธุรกิจข้ามชาติกำลังเป็นที่นิยมอย่างมาก ซึ่งแน่นอนว่าสำหรับคนที่กำลังหางานทำอยู่ การรู้ภาษาที่ 3 หรือภาษาจีนนั้น จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง และได้เปรียบมากกว่า เนื่องจากเป็นปัจจัยหลักที่ใช้ในการพิจารณาคัดเลือกคนเข้าทำงานของหลายธุรกิจเลยก็ว่าได้ ไม่เฉพาะสายงานที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจการนำเข้า หรือส่งออกเท่านั้น ที่จะได้ประโยชน์จากการเรียนภาษาที่ 3 แต่ยังเป็นผลดีกับทุก ๆ อาชีพ เพราะภาษาช่วยให้เราเปิดกว้างสู่โลกภายนอกได้อย่างแท้จริง  

การเขียนเรซูเม่สมัครงาน มีความสำคัญอย่างไร ?

สำหรับคนที่เรียนจบใหม่ หรือใครที่กำลังหางานใหม่อยู่นั้น การเขียนเรซูเม่สมัครงานเป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญมาก ในการพิจารณารับคัดเลือกเข้าทำงาน เราจะต้องมีเทคนิค และวิธีการเขียนเรซูเม่ที่ถูกต้อง ให้โดนใจผู้คัดเลือก เพื่อให้ได้รับการตอบกลับในการพิจารณาต่อไป 

คำศัพท์ภาษาจีนที่ใช้ในการเขียนเรซูเม่สมัครงาน

ใครกำลังมองหางานที่เกี่ยวข้องกับการใช้ภาษาจีน หรือมีภาษาจีนเข้ามาเกี่ยวข้องในการทำงานเรามาเรียนภาษาจีนเบื้องต้น กับคำศัพท์ภาษาจีนที่มักใช้ในการเขียนเรซูเม่สมัครงานกันเลยค่ะ ซึ่งจะทำให้เราใช้คำศัพท์ภาษาจีนเขียนเรซูเม่สมัครงานได้อย่างถูกต้อง เป็นการเพิ่มโอกาสในการสมัครงาน และสร้างความมั่นใจให้กับตัวเองมากขึ้นอีกด้วย 

1. 姓名 xìngmíng (ซิ่งหมิง) ชื่อ – สกุล

2. 性别 xìngbié (ซิ่งเปี๋ย) เพศ

3. 国籍 guójí (กั๋วจี๋) สัญชาติ

4. 出生日期 chūshēngrìqí (ชูเชิงยรื่อชี) วันเกิด

5. 婚姻状况 hūnyīnzhuàngkuàng (ฮุนยินจว้างขว้าง) สถานะ

6. 年龄 niánlíng (เหนียนหลิง) อายุ

7. 联系方式 liánxìfāngshì (เหลียนซี่ฟางฉือ) การติดต่อ

8. 电话 diànhuà (เตี้ยนฮว่า) เบอร์โทรศัพท์

9. 目前住址 mùqiánzhùzhǐ (มู่เฉียนจู้จื่อ) ที่อยู่ปัจจุบัน

10. 电子邮件 diànzǐyóujiàn (เตี้ยนจื่อโหยวเจี้ยน) E-mail

11. 教育背景 jiàoyùbèijǐng (เจี้ยวยวี่เป้ยจิ่ง) ประวัติการศึกษา

12. 毕业院校 bìyèyuànxiào (ปี้เย่แหยว่นเสี้ยว) ชื่อสถานศึกษา

13. 专业 zhuānyè (จวนเย่) สาขาวิชา

14. 能力其他 nénglìqítā (เหนิงลี่ฉีทา) ความสามารถพิเศษ

15. 个人爱好 gèrénàihào (เก้อเหยินอ้ายฮ่าว) งานอดิเรก

16. 工作经历 gōngzuòjīnglì (กงจั้วจิงลี่) ประวัติการทำงาน

หากท่านเห็นความสำคัญของการเรียนภาษาจีนแล้วนั้น สำหรับใครที่อยู่ในวัยทำงาน หรือใครที่กำลังหางานทำ ควรหาโอกาสเรียนภาษาจีนไว้ เพื่อสร้างโอกาสในการประกอบอาชีพของท่านในอนาคตได้อย่างแน่นอน หากท่านสนใจอยากเรียนภาษาจีนออนไลน์สามารถติดต่อได้ที่ โรงเรียนศิริเทพฯ หน้ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โทร. 053-222779 Line: @sirithape_school

เรียนภาษาจีน

เรียนภาษาจีนจากซีรีย์ ทั้งสนุกและได้ความรู้

เรียนภาษาจีนจากซีรีย์ได้อย่างไร ?

การเรียนภาษาจีนจากการดูซีรีย์ ไว้สำหรับฝึกภาษา แนะนำเป็นซีรีย์ที่อยู่ในยุคปัจจุบัน เพราะภาษาที่ใช้ในซีรีย์ จะเป็นภาษาที่ใช้ในชีวิตประจำวันจริง ๆ และให้เลือกดูซีรีย์หลายๆแนว จะทำให้ได้คำศัพท์ใหม่ที่ครอบคลุมหลากหลายนั่นเอง แต่สำหรับผู้ที่อยากฝึกภาษาจีนเบื้องต้น แนะนำให้ดูพวกการ์ตูน เพราะภาษาที่ใช้จะเป็นภาษาที่เข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน คำศัพท์ไม่ยากจนเกินไป และสามารถนำไปใช้ได้จริงในชีวิตประจำวันอีกด้วย

3 เทคนิค การเรียนภาษาจีนจากซีรีย์

การดูซีรีย์จีน นอกจากเราจะดูเพื่อความบันเทิงแล้ว ยังสามารถฝึกทักษะภาษาจีนในระหว่างที่เรากำลังดูซีรีย์ไปด้วยได้ เป็นการเพิ่มพูนความรู้ด้านภาษาให้กับตัวเอง มาดูเทคนิคในการเรียนภาษาจีนจากซีรีย์กันเลยค่ะ ว่ามีเทคนิคอะไรบ้าง

1. พยายามอย่าอ่านซับ

ซีรีย์จีนจะมีข้อดีอยู่ นั่นคือ มีซับประกอบให้ทุกเรื่อง ประโยคไหนที่เราฟังไม่ออก ก็สามารถอ่านซับได้ การเรียนภาษาจีนจากซีรีย์ช่วงแรกๆ แนะนำให้ฝึกทักษะการฟังเยอะ ๆ พยายามอย่าอ่านซับ ลองฟังก่อน ถ้าไม่เข้าใจค่อยย้อนเปิดอ่านซับค่ะ

2. ดูหลายรอบยิ่งดี

การเรียนภาษาจีนจากซีรีย์ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด แนะนำให้ดูซ้ำหลาย ๆ รอบ ดูจนจำได้ว่าตัวละครจะพูดประโยคว่าอะไรบ้าง รอบแรกอย่าเพิ่งอ่านซับ ดูแบบเข้าใจบ้าง ไม่เข้าใจบ้าง ถ้าไม่เข้าใจคำไหนให้เปิดหาคำแปล เมื่อเราดูซ้ำหลาย ๆ รอบ สมองจะเกิดการจำได้เองโดยอัตโนมัติ

3. ดูไปจดคำศัพท์ไป

เคล็ดลับในการเรียนภาษาจีนจากซีรีย์ คือการดูแล้วจดคำศัพท์ พร้อมพินอิน และคำแปลไปด้วย นอกจากนี้ต้องฝึกคัดคำศัพท์บ่อย ๆ เมื่อดูซีรีย์จบ เราจะได้คำศัพท์ใหม่ ๆ มากมายเลยละค่ะ ซึ่งคำศัพท์ในซีรีย์มักเป็นคำศัพท์ง่าย ๆ ที่เราสามารถใช้ในชีวิตประจำวันได้แน่นอน 

ตัวอย่างคำศัพท์ภาษาจีนที่ได้ยินบ่อยในซีรีย์

1. 师父  shīfu (ซือฝู่)   อาจารย์

2. 教主  jiàozhǔ (เจี้ยวจู่)  ประมุข

3. 大哥   dàgē (ต้าเกอ)   พี่ใหญ่

4. 姑娘  dūniang (กูเนียง)   แม่นาง

5. 气功  qìgōng (ชี่กง)  กำลังภายใน 

6. 武林 wǔlín (อู่หลิน)  ยุทธภพ

7. 令 lìng (หลิง) สั่ง , ทำให้

8. 冥顽不灵    míngwán bù líng  (หมิง-หวาน-ปู้-หลิง)    ดื้อยิ่งนัก

9. 多谢   duōxiè  (ตัว-เซี่ย)  ขอบคุณมาก

10. 别闹  bié nào (เปี๋ย-น่าว)     อย่าซน

11. 随便     suíbiàn (สุย-เปี้ยน)    แล้วแต่

12. ​对不对   duì bù duì (ตุ้ย-ปู๋-ตุ้ย)  ใช่หรือไม่

13. 无聊      wúliáo  (อู๋-เหลี่ยว)    น่าเบื่อ

14. ​小心一点  xiǎoxīn yīdiǎn  (เสี่ยว-ซิน-ยี-เตี่ยน)   ระวังหน่อย

15. 对不起     duìbùqǐ   (ตุ้ย-ปู้-ฉี่)     ขอโทษ 

ใครที่ชอบดูซีรีย์จีนเป็นประจำอยู่แล้ว อย่าลืมฝึกเรียนภาษาจีนควบคู่ไปด้วยนะคะ เพื่อเป็นการฝึกทักษะการฟัง ทำให้เราออกเสียงได้ตรงตามหลักภาษาจีนดียิ่งขึ้น ทั้งนี้การดูซีรีย์จีนนอกจากจะดูเพื่อความสนุก และความบันเทิงแล้ว ยังเป็นการเพิ่มทักษะความรู้ เกี่ยวกับคำศัพท์ใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นอีกด้วย 

เรียนภาษาจีน

การเรียนภาษาจีนช่วยเสริมพัฒนาการเด็กได้อย่างไร ?

การเรียนภาษาจีน ในวัยเด็กเล็ก ๆ ถือเป็นโอกาสที่ท้าทาย ซึ่งความสามารถในการเรียนรู้ภาษาโดยธรรมชาติของเด็กนั้น มีติดตัวมาตั้งแต่เกิด เด็กจะมีศักยภาพโดยธรรมชาติ ในการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศโดยการเลียนเสียง และซึมซับได้เอง เช่นเดียวกับการเรียนรู้ภาษาโดยกำเนิดจากคุณแม่ของพวกเขา

ภาษาจีนเป็นอีกหนึ่งภาษา ที่ช่วยให้เด็กได้รับประโยชน์สูงสุดทั้งด้านความรู้ ความเข้าใจ และภาษาศาสตร์ การเรียนภาษาจีนนั้น เป็นเสมือนเครื่องมือในการพัฒนาที่ยอดเยี่ยม สำหรับเด็กที่มีการรับรู้ภาพ และเสียง เนื่องจากภาษาจีนเป็นภาษาโทนที่มีตัวอักษรดูคล้ายรูปภาพนั่นเอง

6 ข้อดีของการเรียนภาษาจีนตั้งแต่เด็ก

นักจิตวิทยาชี้ว่าเด็ก ๆ มีแนวโน้มที่จะเรียนภาษาจีนได้ดี และเข้าใจได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากเด็กมีความสามารถในการแยกความแตกต่างของโทน และเสียงได้ ทำให้เด็กเข้าใจการออกเสียงภาษาจีนได้ง่ายขึ้น และสามารถเรียนรู้ภาษาด้วยสำเนียงพื้นเมืองได้เป็นอย่างดี เรามาดู 6 ข้อดี ในการเรียนภาษาจีนตั้งแต่เด็กกันเลยค่ะ ว่ามีข้อดีอะไรบ้าง เพื่อเป็นแนวทางให้คุณพ่อคุณแม่ ที่สนใจพาบุตรหลานมาฝึกทักษะเรียนภาษาจีนกันค่ะ

1. มีความคิดสร้างสรรค์

การเรียนภาษาจีนสำหรับเด็กก่อนวัยเรียน เป็นวิธีที่ดีในการกระตุ้นการเจริญเติบโตทางความคิดและกระตุ้นการพัฒนาด้านสมองทั้งสองข้าง เป็นผลให้เด็กเรียนรู้ความสามารถในการคิดเชิงตรรกะ และเกิดความคิดสร้างสรรค์มากมาย

2. มีทักษะในการแก้ปัญหา

การเรียนภาษาจีน ตัวอักษรจีนนั้นเป็นเพียงชุดของเส้นต่างๆ เด็กที่เรียนภาษาจีนจะเรียนรู้ในการสร้างความแตกต่างระหว่างเสียง และความหมายของส่วนประกอบต่างๆ สามารถช่วยกระตุ้นการพัฒนาในการแก้ไขปัญหานั้นๆ ได้

3. ช่วยให้ความจำดีขึ้น

การเรียนภาษาจีนเป็นทักษะที่ต้องฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง ทำให้สมองส่วนที่ช่วยในเรื่องความจำ ทำงานตลอดเวลา ได้จดจำคำศัพท์ใหม่ ๆ ไปเรื่อย ๆ เด็กจึงมีความสามารถในการจดจำมากขึ้นนั่นเอง

4. มีทักษะในการทำอะไรหลายอย่างพร้อมกัน

เด็กที่เรียนภาษาจีน หรือเด็กที่พูดได้หลายภาษา จะมีความสามารถในการสื่อสาร การเปลี่ยนโครงสร้างทางภาษา ทำให้รูปแบบการคิดของเด็กเปลี่ยนไปด้วย เนื่องจากเด็กจะเกิดความเคยชินกับการสับเปลี่ยนระหว่างงานหนึ่งไปอีกงานหนึ่ง และจะมีทักษะในการทำอะไรหลาย ๆ อย่างพร้อมกันได้ 

5. มีทักษะการฟัง พูด อ่าน เขียน สูงกว่าเด็กทั่วไป

เด็กที่เรียนภาษาจีน จะได้ศึกษาโครงสร้างภาษาอย่างจริงจัง ทำให้เวลาเขียน หรืออ่าน จะไม่ได้สนใจแค่ความหมายของคำนั้น แต่ยังสนใจเรื่องโครงสร้างของประโยค และมีแนวโน้มจะสนใจสิ่งเหล่านี้ได้ดีกว่าคนทั่วไปอีกด้วย

6. มีทักษะในการตัดสินใจดีมากขึ้น

การเรียนภาษาจีนนั้น อาจมีการปรับเปลี่ยนบุคลิก หรือเปลี่ยนโทนเสียงในการพูดสำเนียง ให้ถูกต้องตามหลักภาษาจีน การเปลี่ยนภาษาพูดก็มีผลต่อรูปแบบความคิดอีกด้วย เนื่องจากการคิดในภาษาที่ไม่ใช่ภาษาโดยกำเนิดนั้น จะทำให้เด็กคิดหาเหตุผลมาประกอบมากกว่าปกติ และเด็กสามารถตัดสินใจได้ละเอียดรอบคอบมากขึ้นนั่นเอง

เมื่อคุณพ่อคุณแม่ รู้ข้อดีในการเรียนภาษาจีนตั้งแต่เด็กกันแล้ว ลองนำไปพิจารณาให้กับบุตรหลานของท่าน สำหรับใช้เป็นแนวทางในการเสริมสร้างพัฒนาการ และเป็นการฝึกทักษะภาษาจีนให้กับบุตรหลานกันดูนะคะ เพื่อสร้างโอกาสที่ดีต่อไปในอนาคตข้างหน้าอีกด้วยค่ะ 

เรียนภาษาจีน

7 เคล็ดลับ เลือกสถาบันเรียนภาษาจีนยังไง ? ให้ดีที่สุด

ปัจจุบันภาษาที่ 3 เข้ามามีบทบาทในชีวิตคนไทยอย่างมาก หลายคน ๆ เลือกเรียนภาษาจีนกันมากขึ้น หรือแม้แต่ผู้ปกครองยุคใหม่ ที่อยากส่งลูกไปเรียนภาษาจีน ไม่ว่าจะเป็นการเรียนการสอนในชั้นเรียน การสอบเรียนต่อทั้งใน และต่างประเทศ ตลอดจนการทำงาน คนที่เก่งภาษาย่อมได้เปรียบมากกว่า สำหรับใครที่กำลังมองหาสถาบันเรียนภาษาจีนที่ดีที่สุด เราได้รวบรวมเคล็ดลับการเลือกสถาบันเรียนภาษาจีนมาให้แล้ว ไปดูกันเลยค่ะ 

เกณฑ์การเลือกสถาบันเรียนภาษา

1. อาจารย์มีความรู้ และความเชี่ยวชาญ

ทีมอาจารย์หากไม่ใช่เจ้าของภาษาต้องมีประสบการณ์สอนภาษาจีนโดยตรง หากเป็นอาจารย์คนไทย ต้องมีประสบการณ์สอน มีความเป็นติวเตอร์ มีเทคนิคการสอนที่เข้าใจง่าย ทำให้ผู้เรียนจำและนำไปใช้ได้จริง ๆ ซึ่งการเรียนกับอาจารย์คนไทยนั้นจะเหมาะกับผู้เรียนที่ไม่มีพื้นฐานภาษาจีนมาก่อนเป็นอย่างมาก เนื่องจากจะเข้าใจธรรมชาติของคนไทยได้ดีกว่า การถามตอบคำถามในคลาสก็จะมีความลื่นไหล ทำให้ผู้เรียนมั่นใจได้ว่าการเรียนภาษาจีน จะสามารถสื่อสารกับครูได้อย่างใกล้ชิด และได้ผลตามที่ตัวเองต้องการ หากผู้เรียนคนไหนที่มีทักษะการสื่อสารภาษาจีนในระดับที่สูงขึ้น ก็แนะนำให้เรียนกับอาจารย์เจ้าของภาษาได้ค่ะ

2. จำนวนผู้เรียนต่อห้องไม่มาก

สถาบันเรียนภาษาจีนบางแห่งอาจมีจำนวนนักเรียนต่อห้องจำนวนมาก ซึ่งโอกาสที่จะได้พูดคุยกับอาจารย์ก็น้อยลง ในการเลือกสถาบันเรียนภาษาจีนควรเลือกที่เรียนที่มีการสอนต่อห้องพอเหมาะ จำนวนผู้เรียนไม่มากเกินไป เพื่อที่จะได้พูดคุยกับอาจารย์อย่างใกล้ชิด 

3. มีหลักสูตรที่เหมาะสมตามต้องการ

ในการเรียนภาษาจีนมีหลายระดับ เราจึงควรเลือกสถาบันที่มีหลักสูตรให้เลือก และมีคอร์สเรียนต่อเนื่อง หลาย Level ให้เหมาะกับระดับความรู้ทางภาษาจีนของตัวเองมากที่สุด ไม่เช่นนั้นจะเป็นการเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ 

4. ราคาคุ้มค่าต่อผลลัพธ์ที่ได้

ถึงแม้ว่าค่าเรียนภาษาจีนจะมีหลายระดับราคา แต่การเลือกว่าจะเรียนกับสถาบันไหนนั้น ควรพิจารณาความคุ้มค่าเรื่องราคา กับความคุ้มค่าด้านอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น สถานบันนั้นมีหลักสูตรการเรียนการสอนมีมาตรฐาน ได้รับการรับรองจากกระทรวงศึกษาธิการหรือไม่ อาจารย์ผู้สอนมีความเชี่ยวชาญ และเทคนิคในการสอนมากน้อยเพียงใด เรียนแล้วมีการวัดผล และสามารถนำผลการเรียนไปใช้ได้จริง เป็นต้น ซึ่งปัจจัยเหล่านี้เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับราคาค่าเรียนแล้ว ก็จะเห็นถึงความคุ้มค่าในการลงทุนเงิน และเวลาของเรา

5. สถาบันเรียนภาษาจีนต้องได้รับการรับรอง

สถาบันเรียนภาษาจีนที่เราเลือกนั้น ต้องได้รับการรับรองจากกระทรวงศึกษาธิการในทุกหลักสูตรที่เปิดสอน เพราะการเรียนการสอนจะมีมาตรฐาน วัดผลการเรียนรู้ได้จริง เพิ่มความมั่นใจในระบบการเรียนการสอนมากยิ่งขึ้น  

6. มีผลงานการสอนที่ดี

การเลือกสถาบันสอนภาษาจีน ควรเลือกสถาบันที่มีผลงานการสอนมากมาย สามารถดูผลลัพธ์จากผู้ที่เรียนมาแล้ว หรือรีวิวจากผู้เรียนภาษาจีนในสถาบันนั้น ๆ ประกอบด้วย และมีการรับรองคุณภาพการเรียนการสอน มีการการันตีผลการสอบ HSK (ระดับ 3) ซึ่งเป็นการสอบวัดระดับความรู้ภาษาจีน ที่มีทั้งหมด 6 ระดับ ทั้งนี้ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อคอร์สเรียนแต่ละคอร์ส ก็ควรเลือกสิ่งที่คุ้มค่า และดีที่สุดนั่นเองค่ะ

7. มีการเรียนการสอนแบบออนไลน์

เนื่องจากสถานการณ์ปัจจุบัน บางคนอาจจะไม่อยากออกจากบ้าน แต่ยังอยากหาความรู้เพิ่มเติม เพิ่มพูนทักษะ ความรู้ความสามารถของตัวเองในช่วงนี้ หรือบางคนอยากใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ก็สามารถหาสถาบันที่มีการสอนภาษาจีนแบบออนไลน์ และมีอุปกรณ์ประกอบการสอนออนไลน์ที่ทันสมัย เพื่อเป็นทางเลือก ในการเรียนภาษาจีนที่ง่ายและสะดวก ไม่ต้องเดินทางไปเรียนถึงสถาบัน อยู่ที่ไหนก็สามารถเรียนได้ 

นี่เป็นเพียงเคล็ดลับ ในการเลือกสถาบันเรียนภาษาจีนให้ดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นผู้ปกครองที่กำลังมองหาสถาบันเรียนภาษาจีนให้บุตรหลาน หรือเด็ก ๆ ที่อยากเรียนภาษาจีน และใครที่สนใจอยากเรียนภาษาจีนเพิ่มเติม สามารถนำทั้ง 7 เคล็ดลับนี้ ไปช่วยในการตัดสินใจดูนะคะ จะได้เลือกสถาบันเรียนภาษาจีนที่ตรงใจ และไม่ผิดหวังอย่างแน่นอนค่ะ